ทำไม ลูกตัวเตี้ย ? สาเหตุอะไรที่ทำให้ตัวไม่สูงตามวัย หลายคนอาจจะกังวลใจเมื่อสังเกตเห็นว่า ลูกของคุณตัวเล็ก ตัวเตี้ยเกินไป เตี้ยแค่ไหนถึงควรไปพบหมอและควรแก้ไขอย่างไร

ลูกตัวเตี้ย หรือ พัฒนาการช้า?

ปกติแล้วพัฒนาการด้านความสูงของเด็กผู้หญิงนั้นจะเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว หรือ “ยืดตัว” มากกว่าเด็กผู้ชายประมาณ 1-2 ปี จนกระทั่งเริ่มเข้าสู่วัยรุ่นหรือช่วงที่มีประจำเดือนครั้งแรก ( ช่วงอายุประมาณ 10 -13 ปี) อัตราความสูงที่เพิ่มขึ้นจะค่อย ๆ ลดลงและจะหยุดที่อายุประมาณ 16 ปี (อ่านต่อ : มีประจำเดือนแล้ว สูงได้อีกหรือไม่?)

ส่วนเด็กผู้ชายจะดูตัวเล็กกว่าเด็กผู้หญิงในช่วงอายุ 8-10 ปี จนกระทั่งเริ่มเข้าสู่วัยรุ่น (ช่วงอายุประมาณอายุ 12 – 15 ปี) อัตราความสูงจะค่อย ๆ เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วจนกระทั่งถึงอายุ 20 ปี (ในบางรายอาจจะหยุดสูงที่อายุ 25 ปี)

วิธีสังเกตว่า ลูกของคุณนั้นมีพัฒนาการช้ามากกว่าเพื่อน ๆ หรือไม่? สามารถประเมินการเจริญเติบโตได้โดยวัดจากส่วนสูงของลูกแล้วนำไปเปรียบเทียบกับส่วนสูงขนาดมาตรฐานดังนี้

• แรกเกิด -1 ปี มีอัตราการเพิ่มส่วนสูง 23-27 เซนติเมตรต่อปี
• 1-2 ปี มีอัตราการเพิ่มส่วนสูง 10-12 เซนติเมตรต่อปี
• 2-4 ปี มีอัตราการเพิ่มส่วนสูง 6-7 เซนติเมตรต่อปี
• 8-11 ปี มีอัตราการเพิ่มส่วนสูง 4-5.5 เซนติเมตรต่อปี
• 11-18 ปี จะมีอัตราการเพิ่มส่วนสูงมากที่สุด โดยเด็กชายจะเพิ่มขึ้น 8-12 ซม. และเด็กหญิงจะเพิ่มขึ้น 7-10 ซม. ต่อปี

หากลูกของคุณมีอัตราการเจริญเติบโตที่ผิดปกติ ควรเข้าพบแพทย์เพื่อหาสาเหตุ เพราะนั่นอาจเป็นอาการของภาวะผิดปกติที่ใต้ต่อมไร้ท่อหลั่งฮอร์โมนผิดปกติได้

ความสูงขึ้นอยู่กับอะไรบ้าง?

ความสูงที่ไม่เท่ากันของแต่ละคน เป็นผลมาจากปัจจัยหลาย ๆ ด้าน ดังนี้

• พันธุกรรม : รหัสพันธุกรรมที่ได้จากพ่อและแม่เป็นตัวแปรหลักที่ส่งผลต่อความสูงของลูก คิดเป็นร้อยละ 60-80 เปอร์เซ็นต์ 
• แต่ถึงแม้ว่าความสูงจะขึ้นอยู่กับพันธุกรรมเป็นส่วนใหญ่แต่ก็ไม่ได้หมายความว่า หากพ่อแม่เตี้ย ลูกจะไม่มีทางสูงได้อีกเลย สามารถอ่านต่อได้ที่นี่ค่ะ แชร์เคล็ดลับ เลี้ยงลูกยังไงให้สูง พ่อแม่เตี้ย อยากให้ลูกสูงต้องทำยังไง
• การเลี้ยงดู : ปัจจัยด้านการเลี้ยงดูลูก ก็เป็นอีกตัวแปรหนึ่งที่หลายคนอาจจะคาดไม่ถึงว่าจะมีผลต่อความสูง เช่น ด้านอาหารและโภชนาการที่ส่งผลอย่างมากต่อการเจริญเติบโต หากในช่วงวัยเด็กได้รับสารอาหารที่ครบถ้วนและมีปริมาณที่เหมาะสมก็จะสามารถทำให้เขาเติบโตสูงขึ้นตามวัย แต่ถ้าหากได้รับอาหารที่ไม่เหมาะสมหรือไม่เพียงพอ ก็จะทำให้โตช้าและตัวเตี้ยกว่าเด็กที่ได้รับการดูแลที่เพียงพอ
• การออกกำลังกาย : การออกกำลังกายจะช่วยเสริมสร้างมวลกระดูกให้แข็งแรงและ “ยืด” ขึ้น ดังนั้นเด็ก ๆ ควรได้รับการฝึกฝนให้ออกกำลังกายทุกวัน วันละ 30-60 นาที เพราะควรจะเป็นการออกกำลังกายที่เหมาะสมตามวัย ไม่ควรหักโหมจนเกินไปเพราะอาจจะทำให้บาดเจ็บได้
• ปัญหาสุขภาพ : ในด้านของสุขภาพนั้นก็สามารถส่งผลต่อความสูงได้ เช่น เกิดภาวะผิดปกติบางชนิดอาจส่งผลกระทบต่อส่วนสูง เช่น
  • โรคเทอร์เนอร์ (Turner syndrome) เป็นความผิดปกติทางพันธุกรรมที่มักจะเกิดขึ้นกับผู้หญิง ส่งผลให้ผู้ป่วยมีรูปร่างที่เตี้ย ตัวเล็ก และมีพัฒนาการช้า
  • โรคโลหิตจางเม็ดเลือดแดงผิดปกติ (Sickle Cell Anemia) อันนี้เป็นโรคติดต่อทางพันธุกรรมชนิดหนึ่งที่ส่งผลให้ผู้ป่วยผลิตเม็ดเลือดแดงที่มีรูปร่างคดงอ คล้ายเคียว ซึ่งผิดปกติจากคนทั่วไป ส่งผลให้ผู้ป่วยมีพัฒนาการทางด้านร่างกายที่จะเจริญเติบโตช้า
  • ความผิดปกติของต่อมไร้ท่อ : อาการนี้ส่งผลให้ร่างกายผลิตฮอร์โมนที่ช่วยให้ร่างกายเติบโตออกมาช้า ทำให้ผู้ป่วยมีอัตราการเจริญเติบโตช้ากว่าคนอื่น ๆ และยังเป็นสาเหตุของภาวะขาดไทรอยด์ (Hypothyroidism) และภาวะขาดฮอร์โมนเจริญเติบโต (Growth Hormone Deficiency) อีกด้วย

เคล็ดลับเพิ่มความสูงให้ลูกที่ตัวเตี้ย

1.การทานอาหาร

ในวัยที่กำลังอยู่ในช่วงเสริมสร้างพัฒนาการ ควรได้รับอาหารที่จำเป็นต่อร่างกายให้ครบทั้ง 5 หมู่ โดยเฉพาะแคลเซียมและโปรตีนที่ควรเน้นเป็นพิเศษ เนื่องจากสารอาหารทั้งสองอย่างนี้นั้น มีส่วนสำคัญที่ร่างกายจะนำไปใช้พัฒนามวลกระดูกและกล้ามเนื้อให้มีความแข็งแรง ป้องกันกล้ามเนื้อลีบ กระดูกหัก เปราะง่าย ป้องกันโรคกระดูกพรุน ได้แก่ อกไก่ ปลาซาร์ดีน ปลาแซลมอน นม ผลิตภัณฑ์ที่ทำมาจากนม พืชตระกูลถั่ว เป็นต้น นอกจากนี้ อาหารที่ให้วิตามินดี เช่น ปลาทูน่า ไข่แดง ก็มีส่วนช่วยสร้างความแข็งแรงของกระดูกได้เช่นกัน อ่านต่อได้ที่ 10 อาหารเพิ่มความสูง เพิ่มการสร้างมวลกระดูก โอกาสสูงอยู่แค่เอื้อมได้ที่นี่

2.ออกกำลังกาย

การออกกำลังกายมีส่วนช่วยเสริมสร้างกระดูกและกล้ามเนื้อให้แข็งแรง ทั้งยังช่วยเร่งการผลิตโกรวท์ฮอร์โมนที่ร่างกายต้องใช้ในการเจริญเติบโต เด็ก ๆ ควรออกกำลังกายทุกวัน วันละอย่างน้อย 1 ชั่วโมง ส่วนผู้ที่ร่างกายหยุดสูงแล้ว การออกกำลังกายจะช่วยลดความเสี่ยงต่อโรคกระดูกพรุน ซึ่งเกิดจากการสูญเสียความหนาแน่นของมวลกระดูกและอาจทำให้ความสูงลดลงได้

3.นอนหลับให้เพียงพอ

การนอนหลับให้เพียงพอ จะช่วยให้โกรทฮอร์โมน (Growth hormone) ซึ่งเป็นฮอร์โมนที่ส่งผลต่อความสูงเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว แต่ฮอร์โมนชนิดนี้จะหลั่งก็ต่อเมื่อร่างกายนอนหลับสนิทและได้รับการพักผ่อนที่เพียงพอเท่านั้น

อยากเพิ่มการหลั่งของโกรทฮอร์โมน สามารถอ่านต่อได้ที่นี่ค่ะ ฮอร์โมนความสูง วิธีเพิ่ม Growth hormone ให้หลั่งออกมามากขึ้น

4.จัดระเบียบท่าทางให้ถูกต้อง

ควรใส่ใจในทุก ๆ อิริยาบถประจำวันไม่ว่าจะเป็นการยืน เดิน นั่ง นอน ควรจะบังคับไม่ให้หลังงอ ควรนั่งหลังตรงตลอดเวลาด้วย เพื่อป้องกันภาวะหลังคดที่อาจส่งผลทำให้กระดูกสันหลังผิดรูป จนทำให้รู้สึกปวดคอ ปวดหลัง และการทำแบบนี้บ่อย ๆ จะส่งผลให้เตี้ยกว่าปกติ

5.เล่นโยคะ

การเล่นโยคะ เป็นการออกกำลังกายเบา ๆ ที่สามารถเล่นได้ทุกเพศทุกวัยและยังเล่นได้เองง่าย ๆ ที่บ้าน ประโยชน์ของการเล่นโยคะนั้นจะช่วยเพิ่มให้กล้ามเนื้อมัดใหญ่และมัดเล็กในร่างกายมีความแข็งแรงขึ้น เพิ่มความยืดหยุ่นของร่างกาย และทำให้สูงขึ้นได้

6.ทานอาหารเสริม

สำหรับผู้ที่มีภาวะเจริญเติบโตผิดปกติ หรือผู้ป่วยที่ต้องได้รับการดูแลเป็นพิเศษในเรื่องกระดูก ควรจะทานอาหารเสริมเพื่อบำรุงเสริมแคลเซียมและเพิ่มวิตามินดีที่ทำให้กระดูกแข็งแรงเพื่อลดความเสี่ยงต่อโรคกระดูกพรุน

แต่หากสำหรับผู้ที่ต้องการหาวิตามินหรืออาหารเสริมแต่ไม่รู้ว่าจะเริ่มทานวิตามินตัวไหนดี สามารถศึกษาต่อได้จากที่นี่ค่ะ (อ่านต่อ) “9 วิตามินเพิ่มความสูงที่คนอยากสูงต้องทาน”

7.คลินิกเพิ่มโอกาสสูง

เพิ่มโอกาสสูง ปรับบุคลิกภาพ ด้วยวิธีการกระตุ้นการสร้างเซลล์กระดูกอ่อน รวมถึงการปรับโครงสร้างของร่างกายเพื่อเพิ่มบุคลิกภาพให้สง่าและดูดี เพิ่มโอกาสสูงได้สูงสุดทันที 1-5 cm.  ไม่เจ็บตัว ได้รับการดูแลและให้คำปรึกษาจากแพทย์ และผู้ชำนาญการ ประสบการณ์ด้านการปรับบุคลิกภาพเพิ่มโอกาสสูงมายาวนานมากกว่า 15 ปี สามารถทำได้ทุกเพศทุกวัย แม้ว่าจะอยู่ในช่วงอายุที่เลยวัยที่มีพัฒนาการทางร่างกายแล้ว แต่อย่าเพิ่งหมดหวัง ความปรารถนาที่จะมีส่วนสูงในฝันนั้นอาจจะอยู่ใกล้กว่าที่คุณคาดคิด