อยากได้รับแคลเซียมจากนมให้มากที่สุด ควรดื่มนมพาสเจอไรซ์หรือนมสดต้มเองดีกว่ากัน วันนี้เมดิก้าเซ็นเตอร์ก็มีความรู้ดี ๆ มาฝากกันค่ะ
นม สำคัญกับกระบวนการเติบโตอย่างไร?
นมเป็นเครื่องดื่มที่มีสารอาหารที่สำคัญมากมาย ไม่ว่าจะเป็นคาร์โบไฮเดรต โปรตีน ไขมัน วิตามิน แคลเซียม น้ำ และเกลือแร่ต่าง ๆ ซึ่งสารอาหารเหล่านี้มีความสำคัญที่มีส่วนช่วยในเรื่องการเจริญเติบโต ช่วยให้กระดูกและฟันแข็งแรง ที่ไม่ได้สำคัญเฉพาะวัยเด็กเท่านั้นแต่สำคัญกับทุกช่วงวัย มีไขมันดีเพิ่มพลังงาน โปรตีนสูงสร้างเม็ดเลือดและกระดูก แคลเซียมสูง ลดความดันโลหิต ลดความเสี่ยงมะเร็งสำไส้ ส่งผลต่อพัฒนาการด้านสมองทั้งอีคิวและไอคิว แต่สำหรับวัยที่ต้องได้รับแคลเซียมจากนมมากที่สุดก็คือวัยเด็กเพราะเป็นวัยที่กระดูกกำลังต้องการแคลเซียมเพื่อนำมาเสริมสร้างกระดูกให้แข็งแรงขึ้น ปริมาณที่เด็กควรได้รับแคลเซียมต่อวันคือ 800-1,000 มิลลิกรัม
ความแตกต่างระหว่างนมพาสเจอไรซ์ VS นมสดต้มเอง
สำหรับพ่อแม่ สิ่งที่ยากที่สุดรองจากการเลี้ยงลูกก็คือการหาสิ่งที่ดีที่สุดมาให้ลูก โดยเฉพาะเรื่องของอาหารที่สามารถส่งผลต่อพัฒนาการของลูกได้ และนมก็เช่นเดียวกัน เพราะนมที่มีจำหน่ายในท้องตลาดก็มีให้เลือกมากมาย ทั้งนมสดดิบที่ต้องนำมาต้มเอง นมพาสเจอไรซ์ นม UHT และนมสดสเตอริไรซ์ ซึ่งในมุมมองของพ่อแม่จำนวนไม่น้อยก็อยากทราบว่า นมชนิดไหนให้ประโยชน์สูงสุดกว่ากัน วันนี้เราจึงมีคำตอบมาให้ค่ะ
นมสดต้มเอง
เรียกอีกชื่อว่า นมดิบ เป็นนมสดที่รีดออกจากเต้านมวัว จุดเด่นคือเป็นนมที่มีคุณค่าทางสารอาหารครบเต็มเปี่ยม เวลาทานจะต้องนำมาต้มดื่มเอง รสชาติของนมชนิดนี้จะมีความมันและหอมมาก เมื่อดื่มเข้าไปจะได้รับวิตามินและสารอาหารต่าง ๆ ได้เยอะกว่า เนื่องจากนมจะไม่ผ่านกระบวนการความร้อนมากเท่านมชนิดอื่น ๆ แต่ข้อเสียก็คือ เก็บได้ไม่นาน บูดง่าย เสี่ยงต่อการปนเปื้อนสูงเพราะจากกระบวนการรีดนม ขนส่ง บรรจุภัณฑ์ และการจัดเก็บน้ำนม ซึ่งเมื่อนำมาต้มดื่มเอง มีโอกาสเสี่ยงที่จะได้รับแบคทีเรียเหล่านี้ ส่งผลให้ร่างกายมีการตอบสนองต่อการป่วยเช่น ท้องเสีย ท้องร่วง คลื่นไส้อาเจียน และอาหารเป็นพิษ ในบางรายอาจจะมีอาการแพ้ชนิดรุนแรงไปถึงขั้นเสียชีวิตได้
นมพาสเจอไรซ์ (Pasteurization Milk)
สำหรับนมพาสเจอไรซ์จะเป็นนมที่ผ่านกระบวนการความร้อนต่ำ ๆ เพื่อทำการฆ่าเชื้อแบคทีเรียในนมและยับยั้งการเน่าเสียจากเอนไซม์จุลินทรีย์ที่ก่อให้เกิดโรคต่าง ๆ โดยแบ่งออกเป็น 3 ระดับ คือ Low temperature, long time : LTLT (นมที่ผ่านการให้ความร้อนที่อุณหภูมิ 62-65 องศาเซลเซียส เป็นเวลามากกว่า 30 นาที) , High temperature, short time :HTST (นมที่ผ่านการให้ความร้อนที่อุณหภูมิ 72-75 องศาเซลเซียส เป็นเวลา 15-240 วินาที) และ High heat, short time : HHST (นมที่ผ่านการให้ความร้อนที่อุณหภูมิ 85-90 องศาเซลเซียส เป็นเวลา 1-25 วินาที) ข้อดีของนมชนิดนี้คือ สามารถจัดเก็บได้นานในอุณหภูมิที่เย็น ส่วนข้อเสียของนมชนิดนี้ คือจะมีรสชาติที่หอมมันน้อยกว่า แถมคุณค่าทางสารอาหารก็จะถูกลดทอนลงเนื่องจากผ่านกระบวนการทางความร้อนนานกว่า แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าสารอาหารจะโดนทำลายหมดแล้วนะคะ เพราะจุลินทรีย์ที่มีประโยชน์บางตัวยังไม่ตายหมดและยังมีชั้นไขมันอยู่
นมสเตอริไลซ์ (Sterilization Milk)
นมสเตอริไลซ์ จะเป็นนมที่มีกระบวนการใช้ความร้อนฆ่าเชื้อโรคในนมที่ค่อนข้างคล้ายคลึงกับการพาสเจอไรซ์ แต่การสเตอริไลซ์จะใช้ความร้อนในอุณหภูมิ 110-120 องศาเซลเซียสเป็นเวลา 20-40 นาที ที่จะเข้าไปฆ่าถึงชั้นสปอร์ของแบคทีเรียในนม ทำให้นมชนิดนี้สามารถเก็บได้นานโดยไม่ต้องแช่เย็นไปด้วย แต่คุณค่าทางสารอาหารก็จะได้รับลดน้อยลงไปอีกเพราะนมสัมผัสโดนความร้อนเป็นเวลานาน
นมยูเอชที (UHT Milk)
หรือมีอีกชื่อหนึ่งที่เรียกกันคุ้นปากมากกว่าว่า “นมกล่อง” เป็นนมที่มีชื่อเต็ม ๆ ว่า Ultra-high-temperature ที่ผ่านกระบวนการผลิตที่ใช้ความร้อนสูงถึง 135-145 องศาเซลเซียส ในเวลา 2-4 วินาที จากนั้นก็จะนำนมที่ได้มาบรรจุลงกล่องที่ผ่านกระบวนการฆ่าเชื้อ สามารถจัดเก็บได้นานทั้งแบบแช่เย็นและอุณหภูมิห้อง และสารอาหารจะคงอยู่เยอะกว่าเพราะถึงแม้ว่าจะใช้ความร้อนสูงในการกำจัดแบคทีเรีย แต่ก็สัมผัสแค่ช่วงเวลาสั้น ๆ เท่านั้น จึงทำให้จุลินทรีย์ที่มีประโยชน์ต่อร่างกายยังไม่ตาย
ควรเลือกนมชนิดไหนให้ลูกทานดี?
ในกรณีที่พ่อแม่ต้องการเลือกนมเพื่อเสริมสารอาหารให้ลูกนั้น ทางที่ดีควรเลือกนมพาสเจอไรซ์ นมสเตอริไลซ์และนมยูเอชทีจะดีที่สุด เนื่องจากเป็นนมที่ผ่านการฆ่าเชื้อต่าง ๆ มาแล้ว ทำให้มั่นใจถึงความปลอดภัยได้ สะดวกในการจัดเก็บมากกว่าการซื้อนมดิบมาต้มเอง แต่ถึงอย่างนั้นพ่อแม่ก็ควรเสริมสารอาหารอื่น ๆ เช่นการให้ทานอาหารที่หลากหลายครบทั้ง 5 หมู่ ควบคู่ไปกับการดื่มนมแทนการดื่มนมเป็นหลักเพราะนมเหล่านี้นั้นจะขาดวิตามินบี วิตามินซี และสารอาหารบางชนิดที่สลายไปกับความร้อน และเพื่อประโยชน์สูงสุด ควรให้ลูกดื่มนมรสจืด ไม่ผ่านการปรุงแต่งรสชาติจากน้ำตาลและแต่งกลิ่น เพราะเสี่ยงต่อภาวะอ้วน น้ำหนักเกิน เด็กติดหวาน ส่งผลให้ร่างกายลดการหลั่งของโกรวท์ฮอร์โมนลง ทำให้เจริญเติบโตช้า ส่วนสูงเพิ่มช้านั่นเอง
อ่านรีวิวคอร์สเพิ่มความสูงของ “เมดิก้าเซ็นเตอร์” ได้ที่นี่
อยากสูง…ปรึกษาเราได้
เมดิก้า เซ็นเตอร์ (Medica Center) เพิ่มโอกาสสูง ปรับบุคลิกภาพให้ดูดีและสูงขึ้นเห็นผลทันทีในครั้งแรก!! ที่ใช้เทคนิคการเพิ่มความสูงด้วยวิธีการทางการแพทย์ ไม่ต้องเข้าผ่าตัด แต่เป็นการเพิ่มความสูงด้วยการทำกายภาพ เมดิก้าเซ็นเตอร์ใช้หลักการแพทย์แผนปัจจุบันเป็นหลักใหญ่ในการกระตุ้นการสร้างเซลล์กระดูกอ่อน รวมถึงการปรับโครงสร้างของร่างกายเพื่อเพิ่มบุคลิกภาพให้สง่าและดูดี เพิ่มโอกาสสูงได้สูงสุดทันที 1-5 cm. ผลจริง ปลอดภัย ไม่เจ็บตัว ทุกขั้นตอนได้รับการดูแลและให้คำปรึกษาจากแพทย์และทีมงานผู้ชำนาญการประสบการณ์ด้านการปรับบุคลิกภาพเพิ่มโอกาสสูงมายาวนานมากกว่า 15 ปี สามารถทำได้ทุกเพศทุกวัย แม้ว่าจะอยู่ในช่วงอายุที่เลยวัยพัฒนาการทางร่างกายแล้ว แต่อย่าเพิ่งหมดหวัง ความปรารถนาที่จะมีส่วนสูงในฝันนั้นอาจจะอยู่ใกล้กว่าที่คุณคาดคิด
ที่ตั้ง : 2358 ชั้น 4 ถ.สุขุมวิท แขวง บางจาก เขต พระโขนง กรุงเทพ
เนื้อหาอื่นๆที่น่าสนใจ
5 วิธีเพิ่มความสูงให้ลูกอย่างสมวัย
กระดูกปิด คือ อะไร ? เกี่ยวข้องกับความสูงอย่างไร ?
“แอพส่วนสูง” คืออะไร ใช้เทียบส่วนสูงได้ผลจริงหรือ?
โปร..เลเซอร์กำจัดขี้แมลงวัน
Facial Treatment
Mask Treatment
CO2 Laser
Nd Yag Laser
ปรึกษาทีมแพทย์ฟรี คลิกที่นี่