L-arginine คืออะไร ?
L-arginine คือ กรดอะมิโนชนิดหนึ่งที่ร่างกายสามารถสร้างเองได้ ช่วยกระตุ้นการไหลเวียนของเลือด และมีบทบาทสำคัญในหลายกระบวนการของร่างกาย ดังนี้
- การสร้างไนตริกออกไซด์ (Nitric Oxide) :
- L-arginine คือสารตั้งต้นในการสร้างไนตริกออกไซด์ซึ่งเป็นสารที่ช่วยขยายหลอดเลือด ช่วยทำให้เลือดไหลเวียนได้ดีขึ้น
- การไหลเวียนโลหิตที่ดีขึ้นมีประโยชน์ต่อสุขภาพหลายด้าน เช่น ลดความดันโลหิต ลดความเสี่ยงของโรคหัวใจ และส่งเสริมการทำงานของระบบไหลเวียนโลหิต
- กระตุ้นการหลั่งโกรทฮอร์โมน (Growth Hormone) :
- L-arginine มีส่วนช่วยกระตุ้นการหลั่งโกรทฮอร์โมน ซึ่งเป็นฮอร์โมนที่สำคัญต่อการเจริญเติบโตและการซ่อมแซมเนื้อเยื่อ
- โกรทฮอร์โมนมีบทบาทในการเพิ่มมวลกล้ามเนื้อ ลดไขมัน และส่งเสริมการฟื้นฟูร่างกาย
- เสริมสร้างระบบภูมิคุ้มกัน :
- L-arginine มีส่วนช่วยกระตุ้นการทำงานของเซลล์ภูมิคุ้มกัน ทำให้ร่างกายสามารถต่อสู้กับเชื้อโรคและสิ่งแปลกปลอมได้ดีขึ้น
- การรักษาบาดแผล :
- L-arginine มีส่วนช่วยในการสร้างคอลลาเจน ซึ่งเป็นโปรตีนที่สำคัญต่อการสมานแผล
L-arginine มีกลไกในการกระตุ้นการทำงานของต่อมไทมัสอย่างไร
L-arginine มีกลไกหลายประการในการกระตุ้นการทำงานของต่อมไทมัส ซึ่งเป็นอวัยวะสำคัญในระบบภูมิคุ้มกัน:
- การเพิ่มการผลิตทีเซลล์ (T Cells) :
- ต่อมไทมัสมีหน้าที่หลักในการผลิตและพัฒนา T Cells ซึ่งเป็นเซลล์เม็ดเลือดขาวที่สำคัญในการตอบสนองทางภูมิคุ้มกัน L-arginine ช่วยกระตุ้นการเพิ่มจำนวนและการพัฒนาของ T Cells เหล่านี้ ทำให้ระบบภูมิคุ้มกันมีความแข็งแรงและมีประสิทธิภาพมากขึ้นในการต่อสู้กับเชื้อโรคและสิ่งแปลกปลอม
- การเพิ่มการไหลเวียนโลหิตไปยังต่อมไทมัส :
- L-arginine ช่วยเพิ่มการไหลเวียนของเลือดไปยังต่อมไทมัส ซึ่งทำให้ต่อมไทมัสได้รับสารอาหารและออกซิเจนที่จำเป็นต่อการทำงานอย่างมีประสิทธิภาพ การไหลเวียนโลหิตที่ดีขึ้นช่วยส่งเสริมการทำงานของต่อมไทมัสในการผลิต T Cells
- การเพิ่มการสร้างไนตริกออกไซด์ (Nitric Oxide) :
- L-arginine เป็นสารตั้งต้นในการสร้างไนตริกออกไซด์ ซึ่งเป็นโมเลกุลที่สำคัญในการควบคุมการทำงานของระบบภูมิคุ้มกัน ไนตริกออกไซด์ช่วยกระตุ้นการทำงานของ T Cells และช่วยให้ T Cells สามารถทำลายเซลล์ที่ติดเชื้อได้ดีขึ้น นอกจากนี้ ไนตริกออกไซด์ยังมีบทบาทในการควบคุมการอักเสบ ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของการตอบสนองทางภูมิคุ้มกัน
L-arginine กินตอนไหน ช่วยอะไรบ้าง ? ดูช่วงเวลาเหมาะสมสำหรับการรับประทาน L-arginine กัน
หากจะถามว่า L-arginine กินตอนไหนและช่วยอะไรบ้าง ? เราต้องพิจารณาช่วงเวลาที่เหมาะสมในการรับประทาน L-arginine ตามวัตถุประสงค์ของการรับประทาน ดังนี้:
- เพื่อเสริมสร้างกล้ามเนื้อและเพิ่มประสิทธิภาพในการออกกำลังกาย :
- ก่อนออกกำลังกาย (Pre-Workout) : แนะนำให้รับประทาน L-arginine ประมาณ 30-60 นาทีก่อนออกกำลังกาย เพื่อเพิ่มการไหลเวียนโลหิตและส่งเสริมการสร้างไนตริกออกไซด์ ซึ่งจะช่วยให้กล้ามเนื้อได้รับออกซิเจนและสารอาหารมากขึ้น
- เพื่อเสริมสร้างฮอร์โมนการเจริญเติบโต (Growth Hormone) :
- ก่อนนอน 30-60 นาที:บางคนอาจเลือกรับประทานก่อนนอน เนื่องจากช่วงเวลานอนหลับร่างกายจะหลั่งโกรทฮอร์โมน ซึ่ง L-arginine มีส่วนช่วยกระตุ้นการหลั่งโกรทฮอร์โมนได้ เพื่อช่วยซ่อมแซมร่างกายและเสริมสร้างกล้ามเนื้อรวมถึงสามารถเพิ่มโอกาสในการเพิ่มความสูง
- เพื่อส่งเสริมสุขภาพทั่วไป :
- กินเมื่อไหร่ก็ได้ระหว่างวัน
แหล่งอาหารที่มี L-arginine สูง
แม้ว่า L-Arginine เป็นกรดอะมิโนที่ร่างกายสามารถสร้างได้เอง แต่ก็สามารถรับประทานเพิ่มเติมจากอาหารได้เช่นกัน แหล่งอาหารที่มี L-arginine สูง ได้แก่
- เนื้อสัตว์ : เนื้อแดง เนื้อไก่ ปลา
- ถั่วเปลือกแข็ง : ถั่วลิสง อัลมอนด์ วอลนัท
- เมล็ดพืช : เมล็ดฟักทอง งาดำ
- อาหารอื่น ๆ : ช็อกโกแลต ข้าวโอ๊ต ผลิตภัณฑ์จากนม
- อาหารทะเล : ปลาทูน่า ปลาแซลมอน กุ้ง ปู
- ธัญพืช : เมล็ดงา ลูกเกด ข้าวโพดคั่ว ขนมปังโฮลวีต ข้าวกล้อง
- ผัก : ผักโขม
- ไข่แดง
ปริมาณ L-arginine ที่ควรได้รับต่อวัน
ปริมาณ L-arginine ที่เหมาะสมต่อวันนั้นขึ้นอยู่กับหลายปัจจัย เช่น วัตถุประสงค์ในการรับประทาน สุขภาพโดยรวม และอายุ โดยทั่วไปแล้ว
- สำหรับสุขภาพทั่วไป :
- ปริมาณที่แนะนำโดยทั่วไปคือ 2-3 กรัมต่อวัน แต่บางงานวิจัยระบุว่าอาจรับประทานได้สูงสุดถึง 6 กรัมต่อวัน
- เพื่อเสริมสร้างกล้ามเนื้อ สุขภาพหัวใจและการออกกำลังกาย :
- ปริมาณที่แนะนำมักจะอยู่ระหว่าง 3-6 กรัมต่อวัน โดยรับประทานก่อนออกกำลังกาย 30-60 นาที หรือก่อนนอน
- สำหรับสุขภาพทั่วไป :
- สำหรับนักกีฬา หรือนักเพาะกาย :
- ปริมาณสำหรับนักกีฬาและนักเพาะกายจะอยู่ที่ 6-10 กรัมต่อวัน
- สำหรับการรักษาโรคบางชนิด :
- ปริมาณที่ใช้ในการรักษาโรคบางชนิด เช่น โรคหัวใจหรือภาวะหย่อนสมรรถภาพทางเพศ อาจสูงถึง 6-20 กรัมต่อวัน แต่ควรอยู่ภายใต้การดูแลของแพทย์
ข้อแนะนำ :
- ควรปฏิบัติตามคำแนะนำบนฉลากผลิตภัณฑ์ หรือตามคำแนะนำของแพทย์
- ไม่ควรรับประทาน L-arginine ในรูปแบบอาหารเสริมหรือวิตามินในปริมาณมากเกินไป เพราะอาจทำให้เกิดผลข้างเคียง เช่น ปวดท้อง ท้องเสีย หรือคลื่นไส้
- ผู้ที่มีโรคประจำตัว เช่น โรคไต โรคตับ หรือโรคหัวใจ ควรปรึกษาแพทย์ก่อนรับประทาน L-arginine
- ปริมาณสูงสุดที่ให้ใช้ตามคำแนะนำให้บริโภค 1 วัน คือ ไม่เกิน 1000 มิลลิกรัม (ในรูปแบบอาหารเสริมหรือวิตามิน)
หลักการเลือก L-arginine ในอาหารเสริมสำหรับเด็กแต่ละช่วงวัย
การเลือก L-arginine ในอาหารเสริมสำหรับเด็กแต่ละช่วงวัย ควรพิจารณาหลักการดังนี้ :
- ปรึกษาแพทย์หรือผู้เชี่ยวชาญ :
- ก่อนตัดสินใจให้เด็กรับประทานอาหารเสริมใดๆ ที่มี L-arginine เป็นส่วนประกอบ ควรปรึกษาแพทย์หรือผู้เชี่ยวชาญด้านโภชนาการเด็กก่อนเสมอ
- แพทย์จะสามารถประเมินความจำเป็นและความเหมาะสมในการให้เด็กรับประทาน L-arginine ได้อย่างถูกต้อง โดยพิจารณาจากอายุ น้ำหนัก สุขภาพ และความต้องการของเด็กแต่ละคน
- เลือกผลิตภัณฑ์ที่ปลอดภัยและมีคุณภาพ :
- เลือกผลิตภัณฑ์จากบริษัทที่น่าเชื่อถือ มีมาตรฐานการผลิตสูง และได้รับการรับรองจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง
- อ่านฉลากผลิตภัณฑ์อย่างละเอียด ตรวจสอบส่วนผสม ปริมาณ L-arginine และสารอาหารอื่นๆ ที่มีในผลิตภัณฑ์
- หลีกเลี่ยงผลิตภัณฑ์ที่มีสารปรุงแต่ง สี หรือกลิ่นสังเคราะห์ที่อาจเป็นอันตรายต่อเด็ก
- พิจารณาช่วงอายุของเด็ก :
- เด็กทารกและเด็กเล็ก :
- โดยทั่วไปไม่แนะนำให้เด็กทารกและเด็กเล็กรับประทานอาหารเสริม L-arginine เนื่องจากร่างกายยังอยู่ในช่วงพัฒนา และอาจมีความเสี่ยงต่อผลข้างเคียง
- ควรเน้นการได้รับสารอาหารที่จำเป็นจากนมแม่หรือนมผง และอาหารตามวัยที่เหมาะสม
- เด็กวัยเรียนและวัยรุ่น :
- ในช่วงวัยนี้ ร่างกายต้องการสารอาหารมากขึ้นเพื่อสนับสนุนการเจริญเติบโตและพัฒนาการ
- หากแพทย์เห็นว่าจำเป็น อาจพิจารณาให้เด็กรับประทานอาหารเสริม L-arginine ในปริมาณที่เหมาะสม
- ควรเลือกผลิตภัณฑ์ที่ออกแบบมาสำหรับเด็กโดยเฉพาะ และปฏิบัติตามคำแนะนำของแพทย์อย่างเคร่งครัด
- เด็กทารกและเด็กเล็ก :
- พิจารณาสารอาหารอื่นๆ ที่มีในผลิตภัณฑ์ :
- บางผลิตภัณฑ์อาจมีสารอาหารอื่นๆ ที่ช่วยส่งเสริมการเจริญเติบโต เช่น แคลเซียม วิตามินดี หรือโปรตีน
- เลือกผลิตภัณฑ์ที่มีสารอาหารที่หลากหลายและครบถ้วน เพื่อให้เด็กได้รับประโยชน์สูงสุด
- สังเกตอาการของเด็ก :
- หลังจากให้เด็กรับประทานอาหารเสริมแล้ว ควรสังเกตอาการของเด็กอย่างใกล้ชิด
- หากมีอาการผิดปกติ เช่น ปวดท้อง ท้องเสีย หรือผื่นคัน ควรหยุดให้เด็กรับประทานและปรึกษาแพทย์ทันที
คำแนะนำเพิ่มเติม
- ควรเน้นการให้เด็กได้รับสารอาหารที่จำเป็นจากอาหารธรรมชาติ เช่น เนื้อสัตว์ ปลา ไข่ ถั่ว และธัญพืช
- การออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอและการพักผ่อนที่เพียงพอ ก็มีส่วนสำคัญในการส่งเสริมการเจริญเติบโตของเด็ก
—
อ้างอิง:
- Adv Exp Med Biol. 2021:1332:167-187.doi: 10.1007/978-3-030-74180-8_10.
- https://www.medicalnewstoday.com/articles/l-arginine
- https://www.healthline.com/nutrition/l-arginine
- https://biogena.com/en/knowledge/guide/l-arginine_bba_4941918
- https://www.mayoclinic.org/drugs-supplements-l-arginine/art-20364681
อ่านรีวิวคอร์สเพิ่มความสูงของ “เมดิก้าเซ็นเตอร์” ได้ที่นี่
อยากสูง…ปรึกษาเราได้
เมดิก้า เซ็นเตอร์ (Medica Center) เพิ่มโอกาสสูง ปรับบุคลิกภาพให้ดูดีและสูงขึ้นเห็นผลทันทีในครั้งแรก!! ที่ใช้เทคนิคการเพิ่มความสูงด้วยวิธีการทางการแพทย์ ไม่ต้องเข้าผ่าตัด แต่เป็นการเพิ่มความสูงด้วยการทำกายภาพ เมดิก้าเซ็นเตอร์ใช้หลักการแพทย์แผนปัจจุบันเป็นหลักใหญ่ในการกระตุ้นการสร้างเซลล์กระดูกอ่อน รวมถึงการปรับโครงสร้างของร่างกายเพื่อเพิ่มบุคลิกภาพให้สง่าและดูดี เพิ่มโอกาสสูงได้สูงสุดทันที 1-5 cm. ผลจริง ปลอดภัย ไม่เจ็บตัว ทุกขั้นตอนได้รับการดูแลและให้คำปรึกษาจากแพทย์และทีมงานผู้ชำนาญการประสบการณ์ด้านการปรับบุคลิกภาพเพิ่มโอกาสสูงมายาวนานมากกว่า 15 ปี สามารถทำได้ทุกเพศทุกวัย แม้ว่าจะอยู่ในช่วงอายุที่เลยวัยพัฒนาการทางร่างกายแล้ว แต่อย่าเพิ่งหมดหวัง ความปรารถนาที่จะมีส่วนสูงในฝันนั้นอาจจะอยู่ใกล้กว่าที่คุณคาดคิด
ที่ตั้ง : 2358 ชั้น 4 ถ.สุขุมวิท แขวง บางจาก เขต พระโขนง กรุงเทพ
เนื้อหาอื่นๆที่น่าสนใจ
อยากสูง 180 ซม. ต้องทำยังไง มีวิธีไหนบ้าง
กรดอะมิโน L-arginine กินตอนไหน ? มีประโยชน์อย่างไร ?
ฮอร์โมน IGF-1 คืออะไร ? สำคัญกับการเพิ่มความสูงอย่างไร ?
แคลเซียมแอล-ทรีโอเนต Calcium l-Threonate คืออะไร ? แตกต่างจากแคลเซียมชนิดอื่นอย่างไร ?
ลูกเสี่ยงกระดูกปิด ยังเพิ่มความสูงได้ไหม
เล่นโยคะเพิ่มความสูงได้จริงไหม เล่นท่าไหนถึงได้ผลดี
เช็กด่วน ! สัญญาณหยุดสูงผู้ชายและผู้หญิงมีอะไรบ้าง
เกณฑ์น้ำหนักส่วนสูงผู้หญิง 2568
ปรึกษาทีมแพทย์ฟรี คลิกที่นี่